ASUS VivoBook S14 S410UN โน้ตบุ๊คน้ำหนักเบา Windows แท้ สเปคคุ้ม i5 Gen 8 + MX150 ราคา 25,900 บาท

ASUS VivoBook S14 S410UN โน้ตบุ๊คน้ำหนักเบา Windows แท้ สเปคคุ้ม i5 Gen 8 + MX150 ราคา 25,900 บาท

หลังจากที่ ASUS ได้เปิดตัวซีรีย์ VivoBook มาตั้งแต่ปี 2017 คราวนี้ปี 2018 แล้ว ASUS ก็ได้เปิดตัวรุ่นใหม่กับเขาเสียทีในตระกูล VivoBook ดีไซน์อาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายเพราะ การดีไซน์แบบเดิมยังคงได้ความนิยมเป็นอย่างดี เนื่องการออบแบบที่ดูเรียบง่าย วัสดุงานประกอบคุณภาพสูง สเปคที่ได้ก็ถือว่าทันสมัยกับ ณ ช่วงเวลาที่ออก จะเอามาทำงานก็ลื่นไหล เล่นเกมก็พอได้ และที่สำคัญเลยตัวเครื่องมีน้ำหนักเบามากๆ นั่นเอง

โดย ASUS VivoBook S14 รุ่นที่ทีมงานได้มารีวิวนั้นเป็นรุ่นรหัส S410UN เบื้องต้นเป็นโน้ตบุ๊คหน้าจอ 14  นิ้ว ทีดูด้วยตาเปล่าคิดว่า 13 นิ้วเพราะมีขอบที่บางมากเพียง 18.8 mm ดูหรูหรา และขนาดตัวเครื่องที่บางเบาเล็กกระทัดรัด บอดี้อลูมิเนียมทั้งตัว สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นระดับ Full HD IPS ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง สนนราคา ASUS VivoBook S14 S410UN ที่สเปคเป็น i5-8520U รุ่นล่าสด ราคาอยู่ที่ 25,900 บาทครับ

Specifications

สเปคภายในของตัว ASUS VivoBook S14 S410UN จะคล้ายกับกลุ่มโน้ตบุ๊คทั่วไป แต่ดีโดดเด่นสุดๆ เลยคือหน้าจอ NanoEdge ขอบบางเพียง 18.8 mm ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้างถึง 178 องศา ด้าน CPU เลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-8250U ความเร็ว 1.6 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 3.4 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 Core/ 8 Thread ซึ่งแน่นอนว่าแรงกว่ารุ่นเดิมเยอะกว่าพอสมควรเลยทีเดียวครับ

ส่วน Ram ก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8 GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น  NVIDIA GeForce MX150 (2GB GDDR5) ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ สำหรับฮาร์ดดิสก์ยังมีความจุ SSD m.2 256 GB แบบ SATA 3 ที่สำคัญตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ ไฟคีย์บอร์ด Backlit สีขาวปรับได้สามระดับ อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น โดยสนนราคาอยู่ที่ 25,900 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปีเต็ม

Hardware / Design

ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ ASUS VivoBook S14 S410UN นั้นจะดูเล็กกว่าโน้ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วอื่นๆ อยู่พอสมควร มองดูด้วยตาเปล่าคิดว่า 13 นิ้วเสียด้วยซ้ำ เนื่องด้วยมีขอบจอที่บางมากแบบ NanoEdge ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ขนาดความกว้างจอเท่ากับโน้ตบุ๊คมาตรฐานจากแบรนด์อื่นๆ ดูดี และมีความโดดเด่นมากๆ เรียกได้ว่าพัฒนาจากรุ่นก่อนๆ ออกมาได้ดูทันสมัยและเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แกนพับหน้าจอขนาดใหญ่ตรงกลางดูแข็งแรงสุดๆ

ส่วนบอดี้จะเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด โดยเฉพาะส่วนของสวนของฝาหน้าจอที่เป็นอลูมิเนียมอัลลอยที่ดูแข็งกว่ากว่าปกติ และทำให้ตัวเครื่องน้ำหนักที่เบา ส่วนบอดี้ด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นอลูมิเนียมธรรมดา ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางบนคีย์บอร์ดจะรู้สึกการสัมผัสที่ดูเหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แถมเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างยากอีกด้วย แต่ส่วนฝาหน้าจอจะเป็นรอยนิ้วมือง่ายสักหน่อย ดังนั้นผู้ใช้อาจจะต้องขยันเช็ดดูแลทำความสะอาดเครื่องซักนิด ลักษณะซอพต์ทัชให้ความรู้สึกที่ลื่น ปุ่มกดแข็งแรง สามารถใช้งานได้ดีเลยทีเดียว และในส่วนกล้องเว็บแคมก็ติดตั้งให้มาด้วยแบบ HD พร้อมไมค์ 2 ตัวแบบตัดเสียงเล่น Webcam สบายๆ

Keyboard / Touchpad

ASUS VivoBook S14 S410UN ติดตั้งคีย์บอร์ดเป็นปุ่มพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ในส่วนการสัมผัสให้การสัมผัสที่นุ่มกำลังดี การตอบสนองทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วกันและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด แต่ตัวแป้นพิมพ์จะไม่มีในส่วนของแป้น Numpad ในของวัสดุส่วนนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก แถมมีไฟ Backlit สีขาว สามารถปรับได้ 3 ระดับ ปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมบนขวากลืนไปกับคีย์บอร์ด แต่อาจจะมีข้อสังเกตนิดหนึ่งที่เวลากดแรงๆ บอดี้จะมียวบยาบบ้าง

ตัวทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ดีไซน์ออกมาแบบไม่มีปุ่มแยกเป็นชิ้นเดียวทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มาสามารถควบคุมจัดการได้ดี ใช้งานแบบมัลติทัชได้ลื่นไหลพอสมควร และที่สำคัญเลยคือมี Finger Print สำคัญสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคตัวเครื่องมาด้วย

Screen / Speaker

ASUS VivoBook S14 S410UN ได้ติดตั้งหน้าจอด้านขนาด 14 นิ้ว แบบ NanoEdge ที่มีขอบหน้าจอที่บางมากเพียง 18.8 มิลลิเมตร ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD Panel IPS ถือเป็นสัดส่วน 77% ขอพื้นที่หน้าจอ และมีมุมมองกว้างถึง 178 องศา ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊คจอ 14 นิ้วที่ให้สีที่สวยที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว เพราะมีการเพิ่มค่า Contrast มากกว่าปกติถึง 150% พร้อมกล้องความคมชัดระดับ HD และไมค์ตัดเสียง 2 ตัว อีกทั้งวัสดุในฝาหลังเป็นอลูมิเนียมอัลลอย ทำให้แข็งแรง ทนทานกว่ารุ่นอื่นและช่วยลดน้ำหนักตัวเครื่องให้เบามากขึ้นนั่งเอง

ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง มีทั้งเสียงเบสที่มีน้ำหนัก ไม่ใช่ใส่แต่เสียงกลาง เสียงแหลมออกมาอย่างเดียว โดยตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ทำให้เสียงที่ค่อนข้างดังพอสมควร แยกรายละเอียดได้ซ้ายขวาได้ดี โดยรวมถือว่าทำได้ดีกว่าโน้ตบุ๊คบางเบาบุ๊คทั่วไป ทั้งในคุณภาพเสียงที่ได้และเสียงดังฟังชัดเพียงพอจะออกไปในนอกสถานที่ได้ ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก

การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS VivoBook S14 S410UN  ที่เป็นโน้ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น

โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 60% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีเหลืองอมแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันธรรมดาในเกณฑ์ทั่วไป ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 231 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ แต่ทำอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลักมากนัก

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงกลางหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอด้านล่างขวาที่ลดลงไปถึงระดับ 13% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ที่มุมล่างขวา ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 3.5 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ มาตราฐานทั่วไป เหมาะสำหรับคนเอามาดูหนังฟังเพลง เล่นเกม เพราะมีค่า Contrast ที่สูงมากๆ

Connector / Thin And Weight

ASUS VivoBook S14 S410UN ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.0 จำนวนหนึ่งพอร์ต(น่าจะให้มาสักสอง) ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว พอร์ต USB 2.0 อีกสองพอร์ตที่ไว้เชื่อมต่อกับเมาส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ และมีพอร์ท USB 3.1 Type C มาให้อีกหนึ่งพอร์ทด้วยสำหรับการรองรับอุปกรณ์ใหม่ๆ ทางด้านพอร์ทการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมีพอร์ท HDMI มาให้ รูเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนช่องอ่าน SD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง แต่หากใครที่ต้องการใช้พอร์ท Lan คงต้องหาซื้ออแดปเตอร์แปลง USB to Lan เอาเองนะครับ

ขนาดของโน้ตบุ๊คตัวนี้ถือว่ามีมิติที่ค่อยข้างเล็กและบางเบา น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.3 กิโลกรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็ก กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ ไม่เกิน 1.4 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลยทีเดียว เพราะปกติแล้วโน้ตบุ๊ค 14 นิ้วจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 2 กิโลกรัม ซึ่ง ASUS VivoBook S14 S410UN ออกแบบมาเพื่อตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบนั่นเองครับ

Inside

การแกะเครื่องเพื่ออัพเกรด ASUS VivoBook S14 S410UN นั้นสามารถทำได้ง่ายมาก ซึ่งเพียงขันน็อตด้านหลังออกทั้งหมด 11 ตัว (ตัวสั้น 5 ยาว 6) แล้วค่อยๆ งัดฝาจากด้านบนตรงแกนฝาพับก็สามารถทับได้แล้ว แต่ถ้าหากเป็นเครื่องที่เพิ่งซื้อมาใหม่อาจจะแกะออกยากจะนิดหนึ่งเพราะฝายังติดแน่น อาจจะต้องใช้บัตรแข็งๆ ค่อยๆ รูดตามแนวตัวเครื่องไป และเมื่อแกะตัวเครื่องออกมาก็จะเห็นด้านในตัวเครื่องที่มีการจัดวางฮาร์ดแวร์ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยเราสามารถอัพเกรดได้ทั้ง Ram 1 แถวและฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 หรือใส่ SSD ก็ได้อีกเช่นกัน ซึ่งหาได้น้อยรุ่นมากที่โน้ตบุ๊คบางเบาจะอัพเกรดได้แบบนี้

ด้านในตัวเครื่องจะมีพัดลม 1 ตัว ฮีทไปป์ 1 เส้นอันใหญ่ในการระบายความ ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานตัวเครื่องบางเบาแบบนี้ แบตเตอรรี่ก็ให้มาขนาด 3,653 mAh ถือว่าใหญ่พอสมควรใช้งานได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมงกว่าพกพาไปทำงานข้างนอกสบายๆ ลำโพงก็เป็นแบบ Stereo ซ้ายขวาอยู่ด้านล่างให้เสียงที่ดีเลยทีเดียวครับ

Performance / Software

ASUS VivoBook S14 S410UN เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-8250U ซึ่งเป็นชิปประมวลแบบประหยัดพลังงาน มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.6 GHz สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.4 GHz นะครับ เป็น CPU แบบ 4 Core 8 Thread เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ มาพร้อม Ram ภายในขนาด 8 GB Bus 2400 โดยสามารถอัพได้สูงสุด 16 GB (ฝังบอร์ด 8 GB อัพเกรดได้อีก 1 แถว)

  

ด้านของการ์ดจอที่ติดตั้งมาให้จะมีสองตัวด้วยกัน คือการ์ดจอออนบอร์ดและการ์ดจอแยกจาก Nvidia ซึ่งการ์ดจอออนบอร์ดจะเป็น Intel UHD Graphic 620 สำหรับประมวลผลทั่วไปเช่นดูหนังหรือฟังเพลง ส่วนการ์ดจอแยกจาก NVIDIA GeForce MX150 ขนาด 2 GB DDR5 สามารถรองรับการประมวลผลกราฟิกระดับสูงไม่ว่าจะตัดต่อหนังหรือจะเล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่แรงมากเทียบเท่าพวก GTX 1050 ที่อยู่ในรุ่นเกมมิ่งโน้ตบุ๊คโดยเฉพาะ

  

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงใช้ได้เลยทีเดียว เรียกได้ว่าตัว i5-8250U ประสิทธิภาพทำได้เกือบพอๆ กับ i7-3840QM เลยทีเดียว สามารถนำมาทำงานหนักๆ หรือเล่นเกมก็ได้สบายๆ

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD m.2 SATA 3 ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256 GB มื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่สูงถึงราวๆ 531.9 MB/s และเขียนที่ 457.4 MB/s กันเลยทีเดียวครับ ถือว่าสูงใช้ได้เลย

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,533 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานพีซีทั่วไปนั่นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ

ในส่วนถัดไปทีมงานจะมาทดสอบในการเล่นเกมกันบ้างกับเกมยอดนิยมทั้ง 4 เกมหลักๆ จะเป็นอย่างไรกันบ้างกับ ไปดูกันเลยครับ

จากกราฟจะเห็นได้ว่าคะแนนเฟรมเรททำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวโดยเฉพาะเกม DOTA 2 และ Overwatch ที่ปรับกราฟิคสูงสุดทุกอย่าง โดยค่าเฉลี่ย 35 FPS ขึ้นไป ส่วนเกมหนักๆ อย่าง GTA V และ PUBG ก็พอเล่นได้ หากปรับกราฟิคแบบต่ำๆ ซึ่งมีค่าว FPS เฉลี่ย 45+ แต่จะมีแกว่งๆ บ้าง เพราะตัวเกมกินสเปคค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว หากถามว่า ASUS VivoBook S14 S410UN ซื้อมาเล่นเกมได้ไหมก็บอกเลยว่าเล่นได้สบายๆ แต่อาจจะไม่ได้ดีเท่าพวกเกมมิ่งโน้ตบุ๊คแท้ๆ นั่นเองครับ

 

Battery / Heat / Noise

แบตเตอรี่ของ ASUS VivoBook S14 S410UN เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน้ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3 Cell สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ถึง 6 ชั่วโมง 38 นาทีเลยทีเดียว ในการต่อ Wi-fi ดู YouTube ปกติ บอกเลยครับว่าพกพาไปทำงานข้างนอกได้สบายๆ หายห่วงเครื่องแบตเตอรรี่หมดแน่นอน

ทางด้านอุณหภูมิ CPU ปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 45 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 92 องศาเซลเซียส  ส่วน GPU เมื่อเอามาเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานาน จะมีอุณหภูมิสงสุดอยู่ที่ 82 องศา นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ ASUS VivoBook S14 S410UN เครื่องนี้ทำได้ดีพอสมควรทั้งในการใช้งานปกติและใช้งานหนักๆ บอกเลยว่าเอาอยู่ไม่มีปัญหา โดยตัวระบายความร้อนจะอยู่ที่ใตต้แกนฝาพับครับ

Conclusion / Award

สำหรับ ASUS VivoBook S14 S410UN ที่เพิ่งเปิดตัวมาออกมาวางจำหน่ายได้ไม่นานมานี้เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ ทั้งในส่วนของความบางเบา บวกกับสเปคที่คุ้มค่า ซึ่งสามารถใช้งานได้ดีเลยทีเดียวประทับใจจริงๆ เรื่องของการดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ ที่ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นอื่นพอสมควร อัพเกรดแบรนด์ ASUS ให้ดูดีขึ้นไปอีกขึ้น รวมถึงการให้สเปคที่คุ้มค่า i5-8250U รุ่นใหม่ล่าสุด Ram 8 GB การ์ดจอ MX150 และ SSD m.2 256 GB คุ้มค่ามากๆ แถมสามารถเพิ่ม HDD 2.5 หรือ SSD ได้อีก 1 ลูกด้วย

นอกจากนี้ยังมี Windows 10 มาให้ในตัวเครื่องเลยคุ้มกว่านี้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ส่วนข้อสังเกตตัวเครื่องที่เห็นได้ชัดเลยคือ ASUS VivoBook S14 S410UN ยังให้ USB 2.0 มาให้สองพอร์ตอยู่ ทั้งที่ปี 2018 ควรเป็น USB 3.0 ทั้งหมดได้แล้ว กับตัวเครื่องไม่มีพอร์ต Lan ซึ่งหากใครจะใช้คงต้องซื้ออแดปเตอร์มาเพิ่มกันเอาเอง(ที่ตัดออกเพราะตัวเครื่องจะได้บางลง)

อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยราคา ASUS VivoBook S14 S410UN ที่เปิดตัวมานั้นเพียง 25,900 บาท เรียกได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊คที่น่าจับจองเป็นเจ้าของที่สุดรุ่นหนึ่งในช่วงเวลานี้เลยก็ว่าได้  ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการโน้ตบุ๊คน้ำหนักเบา สเปคแรง ทำงานลื่น เล่นเกมได้ อีกทั้งมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ เปิดเครื่องมาอัพเดตใช้ได้เลย บอกเลยว่าตัวเครื่อง ASUS VivoBook S14 S410UN ค่อนข้างจะ Overall ครบเครื่อง เลยจริงๆ ครับ

ข้อดี

  • ตัวเครื่องน้ำหนักเบามากเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น และอแดปเตอร์ก็มีขนาดเล็กคล้ายหัวชาร์จมือถือ
  • สเปคที่ได้เป็นค่อนข้างดีและเป็นรุ่นล่าสุด i5-8250U + Ram 8 + การ์ดจอ MX150 + SSD m.2 256 GB
  • ตัวเครื่องสามารถอัพเกรด Ram ได้อีก 1 แถว + HDD 2.5 หรือ SSD ได้อีก 1 ลูก
  • หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD IPS ให้สีสันที่สวยสด งดงามมาก
  • ขอบหน้าจอแบบ NanoEdge บางพิเศษ ทำให้มีพื้นที่หน้าจอเยอะมาก
  • มี Blacklit Keyboard ปรับแสงได้ 3 ระดับ
  • น้ำหนักเบา วัสดุบอดี้เป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงทั้งตัว
  • แบตเตอรรี่ใช้งานได้ยาวนาน ไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง เมื่อนำมาเล่นอินเตอร์เน็ตดู Youtube
  • มาพร้อมกับ Windows 10 แท้

ข้อสังเกต

  • ไม่มีพอร์ต Lan มาให้ หากจำเป็นต้องใช้ ต้องซื้ออแดปเตอร์เพิ่ม
  • พอร์ต USB ยังเป็นแบบ 2.0 อยู่สองช่อง

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน้ตบุ๊กขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง  ASUS VivoBook S14 S410UN ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Design

award_use_2_create_12

ด้วยเจ้าตัว  ASUS VivoBook S14 S410UN มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงาม เรียบง่าย เรียบหรู ดูแพง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และตัวบอดี้เองก็ทำมาจากอลูมิเนียมทั้งหมดดูแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา แถมยังมีขอบหน้าจอที่บางสุดๆ อีกด้วย

Best Mobility

award_use_2_create_23

ASUS VivoBook S14 S410UN ในของการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 18.75 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.3 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.4 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ

ที่มา : notebookspec