Sophos เปิดตัวไฟร์วอลล์ Sophos XG แบบ Next-Gen รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในความสามารถการมองเห็นเครือข่าย ด้วยการใช้ระบบความปลอดภัยแบบซิงโครไนซ์ในการเรียกดูข้อมูลจากเอนด์พอยต์
ประโยชน์ดังกล่าวทำให้ XG บอกข้อมูลได้ตั้งแต่การจัดประเภท และสามารถเปิดการควบคุม Application mไม่รู้จักได้ และสามารถควบคุมได้ทั้งหมดรวมถึงเว็บไซต์ ทั้ง HTTP หรือ HTTPS แบบทั่วไป
ฟีเจอร์ Synchronized App Control แบบไฟร์วอลล์ XG นี้ถือเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาด ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกิดจากทราฟิกที่ระบุไม่ได้ ด้วยการเปิดให้แอดมินมองเห็นตัวตนบนเครือข่ายได้อย่างชัดเจน
Rob Ayoub ผู้อำนวยการด้านงานวิจัยผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยของ IDC ได้ให้ความเห็นว่า “ไฟรวอลล์ XG ของ Sophos ตัวใหม่ล่าสุดนี้ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่สำคัญด้านความสามารถในการมองเห็นแอพพลิเคชั่นบนเครือข่าย โดยเฉพาะกับแอพพลิเคชั่นที่ไม่รู้จัก ถือเป็นโซลูชั่นนวัตกรรมใหม่ที่แก้ปัญหาที่สร้างภาระแก่องค์กรทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี”
Synchronized App Control เป็นระบบควบคุมที่เชื่อมโยงวามสัมพันธ์ของ Apps ที่ระบบค้นพบใหม่ ระบบจะทำงานทันทีโดยอัตโนมัติ และจัดเลือกประเภทให้เหมาะสม นอกจากนี้ ยังเปิดให้ผู้ดูแลระบบเข้ามาจัดการเพิ่มเติมได้ และยังมีการรายงานเชิงลึกเกี่ยวกับกิจกรรมของ Application ในแต่ละวันนี้
“จากการศึกษาครั้งล่าสุดนั้น ผู้ที่ทำงานด้านไอทีต่างยอมรับว่า มีทราฟิกบนเครือข่ายตัวเองมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่รู้จัก ซึ่งมักเป็นที่มาของความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ทุกคนต่างวิตกกังวล” Dan
Schiappa รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปกลุ่มผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยบนเครือข่ายและเอนด์พอยต์กล่าว “Sophos สามารถระบุทราฟิกเหล่านี้ได้เนื่องจากเอนด์พอยต์จะเป็นคนที่รู้ว่าแอพที่รันอยู่คืออะไร และสามารถแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ให้กับไฟร์วอลล์ผ่านฟีเจอร์ Sophos Security Heartbeat™ ได้ สำหรับฟีเจอร์ Synchronized App Control
นี้ได้ยกระดับความสามารถในการมองเห็น และเพิ่มศักยภาพให้แก่แอดมินด้านไอทีในการจัดการทราฟิกบนเครือข่ายได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีใหม่นี้จึงจัดเป็นตัวปฏิวัติวงการด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีที่ยังไม่ได้เตรียมตัวยอมรับช่องโหว่ และจุดบอดต่างๆ ที่ไฟร์วอลล์ หรือโซลูชั่นความปลอดภัยบนเอนด์พอยต์แบบสแตนอโลนอื่นในตลาดกำลังเผชิญ”
Sophos XG Firewall นี้มีจำหน่ายทั้งในรูปแบบสำหรับติดตั้งในองค์กร และในรูปบริการบนคลาวด์ ซึ่งมีให้เลือกบนแพลตฟอร์มเวอร์ช่วลชื่อดังในตลาดเกือบทั้งหมด รวมทั้งผ่าน Microsoft Azure Marketplace ด้วย โดยทั้งโซลูชั่น Sophos Endpoint Protection และโซลูชั่นแอนติแรนซั่มแวร์แบบ Next-Gen อย่าง Intercept X จะเติมเต็มบนไฟร์วอลล์ XG ด้วยการสนับสนุนข้อมูลผ่านระบบความปลอดภัยแบบซิงโครไนซ์ สำหรับความสามารถในการระบุตัวตนทราฟิกระดับใหม่นี้อีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ Sophos ยังได้เปิดตัวแอพพลายแอนซ์ XG แบบฮาร์ดแวร์ใหม่ล่าสุด ที่อยู่ในรูประบบแบบม็อดดูลาร์สำหรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงโมดูลแบบ Flexi Port ด้วย โดยการเพิ่มคู่พอร์ตที่สำรองการทำงานแบบ Fail-Safe Bypass แบบออนบอร์ดบนแอพพลายแอนซ์ขนาด 1U ทุกตัว และทางเลือกเพิ่มเติมในรูปโมดูล Flexi Port แบบบายพาสสำหรับโมเดล XG Series ขนาด 1U และ 2U รวมทั้งโมดูลทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับฟีเจอร์ Power over Ethernet (PoE) ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากระบบความปลอดภัยแบบซิงโครไนซ์นี้ได้ในทุกสภาพแวดล้อมการทำงาน
“ลูกค้าของเราต่างพอใจกับการจัดการที่มีความต่อเนื่อง และอินเทอร์เฟซใช้งานที่เรียบง่ายบนไฟร์วอลล์ XG ด้วยความยืดหยุ่นในการติดตั้งนี้ ทำให้ง่ายต่อการยกระดับความปลอดภัยในองค์กร โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนหรือยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่ซับซ้อน” Dan Russell ซีไอโอของ Pine Cove Consulting
ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ที่ได้รับการรับรองจาก Sophos กล่าว “ไฟร์วอลล์ XG นี้สามารถติดตั้งบนเอนด์พอยต์ควบคู่กับโซลูชั่นปกป้องเอนด์พอยต์ที่มีอยู่ได้ทุกแบบ สำหรับเติมเต็มการป้องกันอันตรายแบบ Next-Gen บนทุกสภาพแวดล้อมการทำงานแบบเดิม ความสามารถในการมองเห็นที่ถูกยกระดับขึ้นใหม่นี้หมายความว่า เราไม่จำเป็นต้องรอข้อมูลซิกเนเจอร์ของแอพพลิเคชั่นจากผู้ผลิตเพื่อให้มองเห็นทราฟิกบนเครือข่ายที่วิ่งผ่านไฟร์วอลล์อีกต่อไป ด้วยความสามารถใหม่ในการมองเห็นแอพพลิเคชั่นบนเครือข่ายถูกตัว พร้อมกับความสามารถในการจัดประเภท และจัดการต่างๆ ได้ในทันทีนั้น ช่วยแบ่งเบาภาระงานของลูกค้าและพาร์ทเนอร์อย่างเราได้มากเลยทีเดียว”
เครดิต http://hitech.sanook.com/1438201/